สำหรับหลายๆท่านที่สนใจจะทำศัลยกรรมที่เกาหลีใต้ ทุกอย่างจะราบรื่นไม่ได้เลยค่ะ หากไม่มีที่ปรึกษาศัลยกรรม หรือเอเจนซี่ศัลยกรรม รวมไปถึงทีมผู้ช่วย และทีมผู้ดูแล ที่คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ค่ะ ครั้งนี้จะขอกล่าวถึงหน้าที่ต่างๆของผู้ทำอาชีพนี้ค่ะ ซึ่งเจตนาของการเขียนบทความนี้ ต้องการให้ทั้งลูกค้า รวมถึงตัวของ‘ฮาริ’เอง เข้าใจข้อมูลต่างๆตรงกันค่ะ นั่นก็เพราะต้องการให้เกิดความสบายใจ ชัดเจน ต่อทุกๆฝ่าย ก่อนที่จะได้เริ่มให้บริการจริงค่ะ มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ หน้าที่ของที่ปรึกษาศัลยกรรม ทีมผู้ช่วย และทีมผู้ดูแล มีอะไรบ้าง?
หน้าที่ของที่ปรึกษาศัลยกรรม ทีมผู้ช่วย และทีมผู้ดูแล
1. ให้คำแนะนำพร้อมทั้งแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าทราบ ตามที่ลูกค้าต้องการ
เมื่อลูกค้าติดต่อมาแล้ว และได้แจ้งศัลยกรรมที่ต้องการทำ รวมไปถึงแจ้งจำนวนเงิน ที่ลูกค้าสามารถจะจ่ายได้ หลังจากนั้นที่ปรึกษาศัลยกรรม ต้องให้คำแนะนำในเรื่องของโรงพยาบาลหรือคลินิก รวมไปถึงคุณหมอผู้ทำการผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัดต่างๆ ผลงานของคุณหมอ พร้อมทำการแจ้งราคาหรือโปรโมชั่นการผ่าตัดนั้นๆ และข้อมูลอื่นๆที่ลูกค้าต้องการทราบค่ะ
การแจ้งข้อมูลหรือให้คำแนะนำลูกค้า จะทำได้ดีมากที่สุด ในตอนที่ลูกค้าแจ้งความต้องการมาแบบละเอียดและชัดเจนค่ะ ที่สำคัญลูกค้าต้องแจ้งข้อมูลที่จำเป็น มาให้ครบถ้วนด้วยนะคะ ข้อมูลที่จำเป็นคือ ลูกค้าเคยศัลยกรรมส่วนนั้นมาก่อนหรือไม่ เช่น อยากเสริมจมูก เคยเสริมมาก่อนหรือไม่ ถ้าเคยเสริมมาก่อน เสริมด้วยวัสดุอะไร แต่งปลายจมูกด้วยหรือไม่ ใช้เทคนิคอะไรในการทำ เสริมมานานแล้วหรือยัง ต้องแจ้งมาให้ได้มากที่สุดค่ะ
ที่สำคัญต้องแจ้งเรื่องโรคประจำตัว ยาควบคุมโรคที่ทานประจำ อาหารเสริมที่ทานประจำ ให้ที่ปรึกษาศัลยกรรมทราบด้วยค่ะ เพื่อให้ทางเราช่วยเลือกคุณหมอ กับโรงพยาบาลหรือคลินิก ให้เหมาะกับลูกค้าที่สุดค่ะ และถ้าหากมีการผ่าตัดเกิดขึ้น ข้อมูลส่วนนี้จะถูกแจ้งไปยังคุณหมอ ที่ผ่าตัดให้ลูกค้า เพื่อให้การผ่าตัดออกมาดีและเหมาะสมกับลูกค้าที่สุดค่ะ ฉะนั้นคุณลูกค้าต้องบอกข้อมูลให้ครบถ้วนนะคะ
เมื่อที่ปรึกษาศัลยกรรมทราบข้อมูลที่จำเป็นแล้ว ก็จะให้คำแนะนำเรื่องคุณหมอ กับโรงพยาบาลหรือคลินิก ให้กับลูกค้าได้ค่ะ การให้ข้อมูลต้องให้อย่างถูกต้อง และละเอียดให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญต้องผิดพลาดให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกค้านั่นเองค่ะ อีกทั้งยังช่วยให้ตรงกับความต้องการลูกค้าด้วยค่ะ
การแจ้งข้อมูลบางเรื่องอย่าง ราคาหรือโปรโมชั่น ส่วนลดต่างๆ บริการเสริม ตรงส่วนนี้อาจจะแจ้งช้าไปสักเล็กน้อย เนื่องด้วยทางโรงพยาบาลหรือคลินิก ในแต่ละแห่ง มีลูกค้าท่านอื่นๆ จากหลายๆประเทศ เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมากค่ะ จึงทำให้ที่ปรึกษาศัลยกรรม แจ้งข้อมูลให้ทราบช้าไปบ้างค่ะ
2. ช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายให้ลูกค้า
ข้อนี้จะเกี่ยวเนื่องกันกับข้อแรกค่ะ การให้ข้อมูลต่างๆกับลูกค้า จะอ้างอิงตามจำนวนเงินค่าทำศัลยกรรม ที่ลูกค้าสามารถที่จะจ่ายได้ค่ะ ลูกค้าจ่ายได้ประมาณกี่บาท ทางเราจะช่วยหาโรงพยาบาลหรือคลินิก ที่มีค่าใช้จ่ายเหมาะสมตามจำนวนเงินที่ลูกค้ามีค่ะ เรียกได้ว่าช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายให้ลูกค้านั่นเองค่ะ
3. ส่งข้อมูลของลูกค้า ให้กับทีมประเมินราคา เพื่อทำการประเมินราคาค่าทำ
หลังจากที่ลูกค้าตัดสินใจได้แล้วว่า จะทำศัลยกรรมกี่อย่าง ด้วยเทคนิคอะไร คุณหมอท่านใดกับโรงพยาบาลหรือคลินิก แห่งไหนบ้าง ทางที่ปรึกษาศัลยกรรม จะนำรูปถ่ายปัจจุบันของลูกค้า พร้อมทั้งข้อมูลความต้องการทั้งหมดของลูกค้า ส่งไปให้กับทีมประเมินราคาค่ะ
การประเมินราคา ทำเพื่อให้ทราบค่าผ่าตัดโดยประมาณ หากไม่ประเมินราคาก่อน ค่าผ่าตัดอาจจะคลาดเคลื่อนได้ค่ะ อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพื่อให้ลูกค้าทราบค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแน่นอน จึงต้องมีการประเมินราคาก่อนค่ะ
การประเมินจะแม่นยำมากขึ้น เมื่อลูกค้าถ่ายภาพใบหน้าแบบชัดเจนทุกมุม ส่งมาให้ทางเราค่ะ และต้องเป็นภาพจริงของลูกค้า ที่เห็นใบหน้าชัดทุกมุม ไม่มีแสงและเงา ตกกระทบบนใบหน้ามากจนเกินไป ที่สำคัญต้องเป็นภาพที่ไม่ได้ผ่านการปรับแต่ง ทั้งกับแอปหรือโปรแกรมใดๆค่ะ
หากมีการปรับแต่งภาพ ทีมประเมินราคาอาจจะประเมินได้ไม่ถูกต้อง และอาจจะประเมินได้ล่าช้ากว่าปกติด้วยค่ะ เพื่อให้การประเมินราคาถูกต้องที่สุด และรวดเร็วยิ่งขึ้น งดการแต่งภาพทุกกรณีเลยนะคะ หากแต่งภาพแล้วราคาค่าทำศัลยกรรมไม่มากนัก เมื่อถึงวันพบคุณหมอก่อนผ่าตัดจริง หากคุณหมอเห็นถึงปัญหาเพิ่มเติมจากลูกค้า ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นกว่าเดิมค่ะ แล้วถ้าหากลูกค้าไม่ได้ เตรียมค่าใช้จ่ายตรงนี้ไว้ล่วงหน้า คุณลูกค้าก็คือคนที่ไม่สบายใจเสียเองค่ะ
4. แจ้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ลูกค้า
หลังจากที่ทีมประเมินราคา ทราบความต้องการทั้งหมดของลูกค้าแล้ว และทำการประเมินราคาค่าทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางที่ปรึกษาศัลยกรรมจะแจ้งค่าใช้จ่ายทั้งหมด ให้ลูกค้าทราบค่ะ หากลูกค้าไม่ต้องการทำศัลยกรรมบางอย่างแล้ว ให้แจ้งตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะ ถ้ารู้สึกว่ายังไม่อยากจะทำศัลยกรรมส่วนไหน ให้รีบแจ้งมาเลยค่ะ เพราะถ้าไม่แจ้งตั้งแต่ตอนนี้ จะทำการจองคิวคุณหมอให้กับลูกค้า ได้ไม่ถูกต้องค่ะ
ถ้าจองคิวผ่าตัดไปแล้ว หากยกเลิกการผ่าตัดในภายหลังในช่วงใกล้ผ่าตัดจริง ทางโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ให้บริการ จะคิดค่าปรับกับลูกค้าค่ะ เพราะทำให้คุณหมอท่านนั้นๆ ไม่สามารถผ่าตัดให้กับลูกค้าท่านอื่นๆได้ ทำให้สูญเสียรายได้ จึงต้องมีการคิดค่าปรับกับลูกค้าที่ยกเลิกกระทันหันค่ะ ฉะนั้นหากไม่ต้องการผ่าตัดส่วนไหนแล้ว ให้รีบแจ้งมาตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ
5. ตรวจสอบเอกสารส่วนตัวทั้งหมดของลูกค้าให้ถูกต้อง
ก่อนจะดำเนินการใดๆให้ลูกค้า ทางที่ปรึกษาศัลยกรรม จะช่วยดูความถูกต้องถึงเอกสารส่วนตัวทั้งหมดของลูกค้าค่ะ เอกสารเหล่านั้น ก็คือหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตนั่นเองค่ะ ทางเราจะตรวจชื่อกับนามสกุลจริงของลูกค้า เป็นปัจจุบันหรือไม่ เพราะลูกค้าบางรายเปลี่ยนชื่อกับนามสกุลมาก่อน และอาจจะยังไม่ได้ทำหนังสือเล่มใหม่ จึงทำให้ต้องตรวจสอบก่อนค่ะ และต้องดูไปถึงวันหมดอายุของหนังสือเดินทางด้วยค่ะ
ถ้ายังไม่หมดอายุ ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ถ้าหากใกล้หมดอายุแล้ว ลูกค้าต้องทำเล่มใหม่ก่อน จึงจะดำเนินการด้านอื่นๆได้ค่ะ เนื่องด้วยว่าเลขบนหนังสือเดินทาง จะไม่เหมือนกับเล่มเก่าค่ะ ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้องรอดูเลขจากเล่มใหม่ ถ้าข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน เวลาเดินทางจะมีปัญหาได้ค่ะ
เพื่อให้ไม่มีปัญหาในการเดินทาง ควรทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะใช้บริการที่ปรึกษาศัลยกรรมค่ะ เพราะต้องใช้สิ่งเหล่านี้ในการจองคิวหมอ จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมและจองเซอร์วิส ถ้าทำเล่มใหม่ช้า อาจจะต้องเสียเวลากับการทำเรื่องนี้ ระหว่างนั้นอาจจะไม่ได้คิวผ่าตัดตามที่ต้องการค่ะ
6. ช่วยประสานเรื่องการจ่ายเงินมัดจำของลูกค้า และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆให้
ที่ปรึกษาศัลยกรรมจะแจ้งจำนวนเงินค่ามัดจำการผ่าตัด หลังจากนั้นให้ลูกค้าโอนเงินค่ามัดจำให้ถูกต้องตามจำนวนที่ระบุไว้ พร้อมกับแจ้งโอนมาให้ทางเราทราบค่ะ เมื่อที่ปรึกษาศัลยกรรมตรวจสอบจำนวนเงินได้แล้ว ทีมผู้ช่วยของที่ปรึกษาศัลยกรรม จะโอนค่ามัดจำของลูกค้าพร้อมแจ้งยอดโอน ไปยังโรงพยาบาลหรือคลินิก ที่ลูกค้าจะเข้ารับการผ่าตัดค่ะ ทางเราจะดำการแทนให้ เพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินไปต่างประเทศค่ะ
จากนั้นทางทีมผู้ช่วย จะช่วยลงทะเบียน K-ETA ให้ลูกค้าค่ะ คุณผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า K-ETA คืออะไรใช่ไหมคะ คือระบบลงทะเบียนออนไลน์ ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไว้ลงทะเบียนเพื่อขออนุญาต ในการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ ระบบนี้มีไว้เพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ถูกปฎิเสธการเข้าประเทศ ซึ่งเริ่มจะมีจำนวนมากขึ้น และเป็นระบบที่ช่วยคัดกรองไม่ให้มีแรงงาน ลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายในประเทศด้วยค่ะ
การลงทะเบียนจะมีค่าใช้จ่าย ซึ่งตรงส่วนนี้ลูกค้าสามารถจ่ายเองได้เลยค่ะ (เป็นค่าใช้จ่ายที่ทางเราไม่ได้เป็นคนเรียกเก็บเองค่ะ แต่เป็นทางระบบที่เรียกเก็บ ซึ่งว่าเป็นเรื่องปกติเหมือนกับการขอวีซ่าค่ะ ค่าลงทะเบียนประมาร 300 บาทค่ะ)
หลังจากทีมผู้ช่วย ลงทะเบียน K-ETA ให้ลูกค้าแล้ว และผลการลงทะเบียน ผ่านเรียบร้อยแล้ว ทางทีมผู้ช่วยจะทำการจองคิวผ่าตัดให้ค่ะ แต่ถ้าลูกค้าจะลงทะเบียน K-ETA ด้วยตัวเองก็ได้เช่นกันค่ะ แต่ทางทีมผู้ช่วยของที่ปรึกษาศัลยกรรม จะจองคิวผ่าตัดให้ลูกค้าได้ หลังจากลูกค้าลงทะเบียน K-ETA ผ่านแล้วเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้ทีมผู้ช่วย จะทำการจองตั๋วเครื่องบินวันไปและกลับให้ลูกค้า จองโรงแรม และจองเซอร์วิสต่างๆให้ ในส่วนของเอกสารส่วนตัวทั้งหมดของลูกค้า ที่ต้องใช้ในการทำเรื่องต่างๆ จะมีการจัดการให้ทั้งหมดค่ะ
7. ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งหมดอีกครั้ง
สำหรับข้อนี้มีขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าทุกๆอย่างถูกต้องค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคิวผ่าตัด วันเดินทางไปและกลับ โรงแรมที่ลูกค้าพัก เซอร์วิสต่างๆที่ลูกค้าจะได้รับ วันหมดอายุของหนังสือเดินทางของลูกค้า เอกสารรับรองการผ่าตัดจากทางโรงพยาบาลหรือคลินิก ทางที่ปรึกษาศัลยกรรมจะตรวจสอบความถูกต้องให้ก่อนแจ้งไปยังลูกค้าค่ะ
8. แจ้งความคืบหน้าต่างๆให้ลูกค้าทราบ และส่งไฟล์เอกสารต่างๆให้ลูกค้า
หลังตรวจสอบความถูกต้อง ที่ระบุไปในข้อที่ 7 แล้ว ทางเราจะแจ้งข้อมูลทั้งหมดให้ลูกค้าค่ะ อันได้แก่ คิวผ่าตัด สายการบินที่ใช้ในการเดินทาง รวมถึงวันและเวลาที่เดินทาง ทั้งขาไปและขากลับ โรงแรมที่จะให้ลูกค้าเข้าพัก เซอร์วิสต่างๆที่ลูกค้าจะได้รับ รวมทั้งส่งไฟล์เอกสารรับรองการผ่าตัด ที่ทางโรงพยาบาลหรือคลินิกออกให้ค่ะ และส่งไฟล์เอกสารสำคัญอื่นๆให้ด้วยค่ะ ไฟล์เอกสารที่ส่งให้ทั้งหมด เอาไว้ให้ลูกค้าปริ้นท์ออกมา ไว้สำหรับยื่นให้กับด่านตม.ของเกาหลีใต้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ของที่นั่นต้องการดูค่ะ
เอกสารจะช่วยยืนยันว่าลูกค้าเดินทางไปผ่าตัดจริงๆ ไม่ได้ลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายแต่อย่างใดค่ะ ฉะนั้นลูกค้าสามารถสบายใจได้เลยนะคะ ว่าไม่ติดด่านตม.ของที่นั่นแน่นอนค่ะ หากทางเจ้าหน้าที่ ถามถึงเอกสารใดๆ ก็ยื่นให้ดูได้เลยค่ะ หากเจ้าหน้าที่ถามคำถามใดๆ ให้ตอบทุกเรื่องไป อย่างมั่นใจได้เลยค่ะ
9. แจ้งเตือนลูกค้าล่วงหน้า ในเรื่องที่ลูกค้าต้องทำ และเรื่องที่ลูกค้าต้องงด
ที่ปรึกษาศัลยกรรมจะแจ้งเตือนไปยังลูกค้า ในเรื่องต่างๆที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นให้ลูกค้าเข้าพบคุณหมอประจำโรคของลูกค้าเอง เพื่อให้คุณหมอแจ้งว่า ลูกค้าสามารถงดยาควบคุมโรคตัวไหนได้บ้าง และงดตัวไหนไม่ได้บ้างค่ะ เพราะยาบางชนิดหากทานก่อนผ่าตัด จะทำให้แผลผ่าตัดหายช้าค่ะ จึงต้องทราบให้แน่ชัดก่อน เรื่องตัวยาที่งดได้และงดไม่ได้ค่ะ เมื่อทราบแล้วให้ทำตามที่คุณหมอประจำโรคแนะนำค่ะ
นอกจากนี้ทางเราจะแจ้งให้ลูกค้างดอาหารบางชนิด งดเครื่องดื่มบางชนิด งดอาหารเสริมทุกชนิด งดสูบบุหรี่ทุกประเภทค่ะ ทั้งหมดนี้หากไม่งดล่วงหน้า จะส่งผลเสียทั้งในวันผ่าตัด และในช่วงที่ลูกค้าพักฟื้นด้วยค่ะ ฉะนั้นทางเราจำเป็นต้องแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อให้ลูกค้างดสิ่งดังกล่าวทั้งหมดเลยค่ะ ที่สำคัญลูกค้าต้องดูแลสุขภาพให้ดีที่สุด ทานอาหารมีประโยชน์ ระมัดระวังไม่ให้ป่วย และห้ามออกกำลังกายหนักๆค่ะ เพราะถ้าหากมีปัญหาจากสิ่งที่ระบุไป จะทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ค่ะ