สวัสดีค่ะ เห็นหลายๆกระทู้รีวิวศัลยกรรมเกาหลีแล้ว เราก็อดใจไม่ได้ที่จะแบ่งปันข้อมูลการทำศัลยกรรมที่เกาหลีของตัวเองบ้าง
ก่อนอื่น แนะนำตัวก่อนค่ะ
ชื่อจริง เปมิกา อายุ 43 ปี ชื่อเล่นปูเป้ค่ะ หรือเรียกสั้นๆง่ายๆว่า เป้ ก็ได้ค่ะ จะพี่เป้ น้องเป้ หรือจะเรียกเป้ เฉยๆก็ได้
(ส่วนป้าเป้ ไม่จำเป็นอย่าเรียก เลยเนอะ ^^)
☀
จุดเริ่มต้น “ทำไมอยากทำศัลยกรรม”
…แล้วทำไมถึงอยู่ๆถึงทำศัลยกรรม ? นี่เป็นคำถามจากเพื่อนๆที่รู้จักกันดีในแวดวงการทำงาน รวมถึงคนใกล้ตัว เพราะเป้เองไม่เคยเกริ่นหรือมีวี่แวว ที่อยากจะทำศัลยกรรมมาก่อนเลย คือจะเฉยๆมาก ก็ ไม่ได้แอนตี้หรืออะไรเพียงแต่ ไม่ได้สนใจอยากทำมาก่อน
แต่จริงลึกๆแล้ว ตัวเองมีความ “ อยากสวย” ในใจมาตลอด แต่ไม่เคยบอกใครและก็คิดว่า มันคงไกลตัวเรา แล้วก็ยังไม่ได้นึกถึงการไปทำศัลยกรรม
คือทุกคนก็มักจะบอกว่าเฮ่ย หน้าเราโอเคนะ ไม่มีปัญหาอะไร (ดูจากรูปปัจจุบันก่อนทำ นะคะ) ……. แต่…เพื่อนๆคะ ที่จริงๆแล้ว เป้ มีปัญหานะคะ 5555!!!
**ปัญหาจากวัยค่ะ เพื่อนๆ**
ดูจากอายุ เป้อายุ 43 ปี แล้วนะคะ คือแม้เราดูแลผิวภายนอกได้ดีก็จริง แต่ด้วยปัญหาของวัย ความหย่อนคล้อยตามอายุจริง เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติมนุษย์ คะ เมื่อถึงเวลา ก็ต้องมีมาตามกาล
แล้วทีนี้ ยิ่งนานวันปัญหาก็พอกพูนตามวัยของเราเลยคะ ปัญหาของเป้ตอนนี้ คือ
• ชั้นตาตก (ทำให้ตาไม่เท่ากัน) ,
• ถุงใต้ตาที่เป็นกรรมพันธุ์มาตั้งแต่เด็ก
(ทำให้ตาดูเหนื่อยและล้าง่าย) ,
• ร่องลึกข้างแก้ม, (ทำให้เราดูแก่กว่าวัยคะ)
• ไขมันสะสมที่ข้างแก้ม, (เรียกเองว่าเหนียง)
• จมูกเบี้ยว โพรงจมูกบิด ทำให้เป็นหวัด และเป็นไซนัสได้ง่ายมาก และไม่มีดั้งด้วยคะ 555
(เคยลองจินตนาการถึงดั้งโด่งๆกะเค้าเหมือนกันอยากทำแต่ยังไม่กล้า)
และจุดสุดท้าย คือ* จุดนี้พีคสุดๆ
• อยากเอาไขมันสะสมออกจากร่างคะ
จุดนี้หลายคนไม่รู้แน่นอน หรือไม่เคยสังเกตุ คือเป้ เป็นคนตัวใหญ่นะ แต่แขน ขา จะเล็ก เหมือนไม่สมส่วน อันนี้เป็นมาแต่เด็ก ลำตัว/เอว/ต้นขา จะหนามาก แล้วระบบเผาผลาญเราไม่ดี ทำให้มีไขมันสะสมง่ายกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว
พออายุมากขึ้นส่งผลกับร่างกายคือเหนื่อยง่าย หอบ ก็พยายามออกกำลังกายคะ ช่วยได้ประมาณนึง มีลดลงบ้าง แต่ไขมันนั้นยังอยู่ค่า ไม่ลงง่ายคะ คือน้ำหนักลดแต่ไขมันไม่ลง
ทีนี้ถ้าเราจะเอาไขมันสะสมเหล่านี้ออก ก็คิดเองละคะว่าคงต้องเพิ่งเทคนิคทางการแพทย์เข้าช่วย
(ลึกๆในใจสำหรับผู้หญิงจะวัยไหน ก็ อยากสวย เสมอจริงมั้ยคะ )
เลยคิดว่าถ้าหากเราเองมีโอกาสที่จะทำศัลยกรรมได้จะเป็นยังไงนะ
จะทำได้มั้ย
ถ้าทำจะต้องทำอะไรบ้าง?
ทำเสร็จแล้วจะเป็นยังไง ?
คือคำถามในหัวมีเยอะมากคะ จะว่ากลัวก็แอบกลัวนิดๆ แต่เป้าหมายที่มีมันใหญ่กว่า คือ “เราอยากสวยสักครั้งในชีวิต” ถ้าทำได้อะนะ ^^
และนี้ก็ยังคงเป็นแค่ความคิดแน่ๆ คือเป้ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ววัน จนได้มาเจอกับเพื่อนที่รู้จักกันเค้าทำงานในแวดวงศัลยกรรม (แบบอินไซด์เลย)
เราก็มีโอกาศได้คุยกันแล้วรู้ถึงความต้องการของเรา เพื่อนบอกว่าสิ่งที่เราคิดเป็นไปได้ ไม่ยากเลยด้วย
(พี่ไม่ต้องมานั้ง “ฝัน”อีกต่อไปแล้วนะ)
ทำเลย ง่ายมาก ปลอดภัยแน่นอน และก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดด้วย เพราะว่าเราสามารถเลือกทำกับโรงพยาบาล หรือคลินิกที่มีประสบการณ์ และมีความน่าเชื่อได้ เช็คข้อมูล โรงพยาบาลได้หใด ไม่ต้องกลัว
เพราะศัลยกรรมมีมานานแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ มีคนทำมาเยอะแล้ว
ก็เป็นช่วง ค้น & คุ้ยคะ หลังจากซุ่มเข้าดูข้อมูลอยู่นาน เป้ก็สนใจที่นี่เลยค่ะ โรงพยาบาลบาโนบากิค่ะ เป็นโรงพยาบาล
ด้านศัลยกรรมที่มีชื่อเสียง อันดับต้นๆในประเทศเกาหลีเลย มีมาตราฐาน มีเทคโนโลยี และมีความปลอดภัยสูง
น่าเชื่อถือมาก จัดเป็นโรงพยาบาลทำศัลยกรรมที่ดังมากที่เดียวคะ แล้วที่สำคัญคือ ที่รพ.บาโนบากิ เป็นโรงพยาบาลที่ร่วมทำศัลยกรรมให้กับรายการ Let Me In Thailand ของไทย และ Let Me In Korea ในเกาหลีด้วย แล้วยังมีอีกหลายรายการเลยค่ะ
รีวิวคนทำจริงๆก็เยอะมากๆ รวมทั้งดารา นักแสดง ในประเทศไทยหลายคน บินไปทำศัลยกรรมที่ รพ.บาโนบากิ ด้วย คือดูข้อมูลแล้ว ก็อยากทำมากๆเลยคะ
อีกอย่าง หลังจากดูรีวิวแล้ว ศัลยกรรมก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ยิ่งดูในรายการ Let Me In ทั้งของไทยและเกาหลีแล้ว บอกได้เลยคะ ว่าศัลยกรรม ไม่ใช่แค่ ช่วยให้คนเราสวยหรือหล่อขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการเปลี่ยนชีวิตของคน คนนึงไปตลอดกาล จริงๆ
เป้เอง ก็เปลี่ยนทัศนคติจากเดิมไปเลยค่ะ เพราะเคยคิดว่าศัลยกรรมคือทำให้คนที่อยากสวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จริงๆไม่ใช่เลย ศัลยกรรมสามารถมาช่วยแก้ปัญหาในชีวิตเราได้ ทำให้การใช้ชีวิตของบางคนที่มีร่างกายไม่สมบรูณ์ หรือจากการเกิดอุบัติเหตุ การศัลยกรรมก็ช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นได้
หลายคนได้ใช้ชีวิตได้ปกติมาก คือไม่ว่าจะด้านไหน ศัลยกรรมคือการช่วยเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นได้จริงๆคะ
จุดนี้อินมากแล้ว ตัดสินใจเลย อยากทำ ก็ลองติดต่อปรึกษากับโรงพยาบาล อยากรู้งบประมาณ และความเป็นไปได้ ซึ่งทางโรงพยาบาลบาโนบากิก็น่ารักมากค่ะ มีล่ามคนไทยพูดคุย ปรึกษา โต้ตอบเป็นภาษาไทยเลย ไม่มีปัญหาด้านการสื่อสาร คุยกันอยู่นานค่ะ มีส่งรูปเป้ไปให้ดูก่อนแล้วประเมินงบประมาณ พอจะทราบรายละเอียดคร่าวๆ แล้ว ทาง รพ.เลยนัดให้เราบินไปเกาหลีเพื่อพบที่ปรึกษาและพบคุณหมอ เพื่อดูเคสจริงกันอีกรอบก่อนผ่าตัด
คือตอนนี้ คิดในใจค่ะ ถ้าทำได้ จะทำเลย ไม่อยากรอเวลาให้ผ่านไป คือ “อยากสวยสักครั้งในชีวิต” คีย์เวิร์ด นี้พุดขึ้นมาในใจชัดเจนมาก
V
และก็ตัดสินใจทำที่นี่ค่ะ !
เดินทางมาถึงเกาหลีก่อนผ่าตัด 3วัน มาเตรียมตัวก่อนเข้าปรึกษาคุณหมอ ที่รพ. บาโนบากิ พอมาถึงก่อนเราก็เดินชิวค่ะเที่ยวเก็บเกี่ยวบรรยากาศ สบายๆ เอาจริงๆช่วงนี้ยังไม่ตื่นเต็นเท่าไหร่คะ ยังสบายๆอยู่ ไปเดินเที่ยว แถวกังนัม สนุกสนานเลยคะ
และแล้ววันนัดปรึกษาก็มาถึงค่าา เดินทางไปถึงก็เจอน้องที่เป็นล่ามคนไทยมารับ ทักท้ายกันแนะนำข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับการเตรียมตัวศัลยกรรม พาไปถ่ายรูป ทำประวัติคะ ช่วงนี้แหละคะเริ่มตื่นเต้นแล้ว 555 เขินคุณพยาบาลด้วยคะ แบบว่าต้องถ่ายทุกมุมเลย ><
ก่อนจะพบคุณหมอ จะมีการพบกับเจ้าหน้าที่ Consult กันก่อนนะคะเพื่อคุยรายละเอียดการทำว่าเราจะทำอะไรบ้าง ควรทำแบบไหน แล้ววิธีการทำเป็นอย่างไร (ข้อมูลละเอียดมากคะ)
ถึงเวลาพบคุณหมอ ก็แบบสบายๆเลยคะน้องๆที่เป็นล่ามพูดไทยแปลให้เรา สื่อสารกับคุณหมอแบบคำต่อคำเลยเปะมากคะขอบอก บรรยากาศเป็นกันเอง คุณหมอน่ารักมากคะ จะถามเราว่า เราต้องการอยากทำแบบไหน หรือกังวลตรงจุดไหนมากที่สุด ถ้าแก้ไขแล้วเราจะแฮปปี้มากที่สุด โอ้โห้ ตรงเป้าเลยคะ 5 จุดที่คิดไว้ เราก็บอกคุณหมอไป คุณหมอจะแนะนำสิ่งที่เหมาะกับเรา ว่าจะทำแบบไหน จะแก้ไขแต่ละจุดอย่างไร
รอบแรก เราจะทำทั้งหมด 4 จุดก่อนคะ
จุดแรก 1.
ยกหน้าผาก เพื่อทำให้ชั้นตาชัดขึ้น แทนการทำตา2 ชั้นใหม่ (เดิมเป้อยากทำตาใหม่) ซึ้งคุณหมอแนะนำว่าชั้นตาเดิมยังดี เพียงแต่หนังตาเราตก ลงช่วงว่างระหว่างคิวและตาใกล้กันมาก หากเราปรับเป้นการยก คิ้วขึ้น จะทำให้ ชั้นตาเดิมเราชัด โดยไม่ต้องกรัดใหม่ และให้ช่งงหน้าผากเราดูตึงขึ้นเหมือนตอนเราวัยรุ่น (ว้าวตรงนี้ 555)
จุดที่ 2.
ขจัดถุงใต้ตา โดยการเกลี่ยไขมันใต้ตาใหม่ ใช้การเย็บใต้ตาล่าง จะไม่เห็นรอยแผล ทำให้ไขมันไม่เป็นถุง ทำหน้าดูไม่โทรมง่าย
จุดที่ 3.
การลดไขมันที่แก้ม แต่เดิมเป้คิดว่าตรงนี้คือ ผิวหย่อนคล้อย หรือเรียกเองว่าเหนียงค่ะ เพราะจะเป็นเนื้อเหลือๆ ข้างแก้มใกล้กรามแล้วผิวเริ่มเป็นร่องๆตรงนี้ จึงอยาก เก็บหรือกระชับขึ้น ซึ้งคุณหมอบอกว่าผิวเรายังไม่หย่อนคล้อย แต่เป็นไขมัน สามารถเอาออกได้ ร่องผิวก็จะหายไปไม่ต้องยกอะไรค่ะ
จุดที่ 4.
ดูดไขมันทั้งตัว จุดนี้พีคสุดคะ ตรงนี้คุณหมอจะถามเลยว่าจุดตรงไหนที่เรากังวลสุด ถ้าหายไปแล้วเราแฮปปี้ เอาจริงๆ ทุกจุดเลยคะ คือเป้เป็นคนแขนขาเล็ก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเราตัวใหญ่ เวลาใส่เสื้อผ้าต้องเลือกพลางดีๆ ไม่งั้นจะไม่สวย ทำให้เราไม่มั่นใจ คุณหมอทราบว่าเราพอออกกำลังกายมาบ้าง เพราขาเรามีกล้ามเนื้อพอควร ตรงนี้คุณหมอก็เริ่มมาร์คๆจุด ในชาร์ทไว้คะว่าตรงไหนบ้าง พรุ่งก่อนเข้าห้องผ่าตัด มามาร์ดจริงที่ตัวอีกที
จาก 4 จุดที่ว่ามานี่ ผ่าตัดพรุ้งนี้พร้อมกันนะคะ คุณหมอให้กลับไปเตรียมตัว อดน้ำอาหาร หลังเที่ยงคืนวันที่ 8 เตรียมตัวผ่าตัดวันที่ 9 เลย ที่ได้ผ่าตัดเลย เพราะเป้ได้มีการปรึกษา กับทาง รพ. บาโนบากิ ไว้ก่อนแล้ว เลยได้บุคคิวไว้ พอมาปรึกษาปุ๊ปก็ มีคิวทำได้เลยคะ มาเอาใจช่วยกันนะคะ พรุ้งนี้ผ่าตัดใหญ่ ครั้งแรกของเป้ ครั้งแรกของการศัลยกรรม ที่ยิ่งใหญ่ แลังการสำหรับตัวเองมาก จะไหวมั้ย จะเป็นยังไง เอาใจช่วยด้วยนะคะ
หลังผ่าตัดวันแรกวันที่ 0 และ 1
หลังผ่าตัดพักฟื้นที่รพ. บาโนบากิชั้น 6 เป็นห้องพักส่วนตัวค่ะ
หลังผ่าตัดหลับดีค่ะจะมีช่วงที่ตื่นเต้น 2-3 ช.ม. ตื่นทีเพราะหิวน้ำและเมื่อยตัว แต่ไม่ยังรู้สึกเจ็บนะคะออกแนวระบมตึงๆตามตัวมากกว่าเพราะเราดูดไขมันทั้งตัวส่วนบริเวณที่หน้านี่ปกติดมากค่ะไม่รู้สึกเจ็บเลยช่วงเช้าประมาณ 9.00 โมงได้นะคะ คุณหมอที่ผ่าตัดให้เจ้ามาตรวจถามอาการ แต่เช้าเลย (ซึ่งถือว่าคุณหมอมาเช้ามากค่ะเพราะปกติโรงพยาบาลจะเปิดทำงานตอน 10.00 โมงซึ่งเป็นเวลาทำงานปกติของโรงพยาบาลที่เกาหลี)
มาพร้อมทีมพยาบาลซักถามอาการและดูว่าเราเป็นยังไงบ้างได้ปกติมั้ยปวดหัวมั้ยหนาวมั้ยจากนั้นก็ให้ถอดผ้าพันตัวและแขนขาออกใส่ชุดคลุมคนไข้ของโรงพยาบาล (ทั้งคืนนั้นเป้ ใส่ชุดผันอนุรักษ์มัมมี่ทั้งคืนนะคะถ้าถามว่าจะเก็บไว้ที่ไหน
คุณหมดเช็คเงื่อนไขต่างๆจากที่เราทำการซ่อมแซมเมื่อวานนี้
1. ดดดแฉทั้งตัว
และที่ใบหน้าจะมี 2-3 จุดก็คือ
มีรอยไหมยกกระชับกระดูก
3. เกกาดาวเทียมเดินทางใต้ตา
4. ดูดมัลลิกาใต้
5. การฉีดที่ดีที่คิวร่องแก้มใต้ค้างข้างแก้ม
โอ้โห้ววหลายรายการนะคะเนี้ย 55 บอกหน่อยได้ไหมว่ารอบนี้ใหญ่ 9 ชม. เงินบริจาคและสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่ทุกคนทำได้พร้อมกันในครั้งเดียวนะคะ
จนจบแล้วบอกว่าอาการเราค้อนข้างดีตอนผ่าตัดก็เป็นไปด้วยดีหลังผ่าตัดร่่างลางก่น้า
วันนี้วันแรกหลังการผ่าตัดคุณหมอย่ำ
ส่วนการเดินให้เราพยายามลุกเดินอย่านอนนานค่อยๆเดินถ้าเหนื่อยหรือหน้ามืดให้หยุดคือคนที่ดูดไขมันทั้งตัวควรเคลื่อนไหวเดินเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีและลดการบวมได้ไวเพราะการดูดไขมันทั้งตัวหลังผ่าตัด ช่วงแรก ๆ 3-4 วันจะบวมมากหน่อยการระบอบตามตัวการเดินจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีและลดการระเบิดได้เร็วขึ้น
ช่วงวันนี้ตัวจะบวมมาก ๆ มีน้ำไหลออกจากรอยแผลบางจุดซึ่งอันนี้ปกตินะคะทางทีมพยาบาลบอกว่าปกติสำหรับคนดูดไขมันเพราะการดูดคือวิธีการนำน้ำเข้าไปในร่างกายเราแล้วดูดออกมาพร้อมไขมัน ประมาณนี้พอหลังจากผ่าตัดเสร็จบางคนจะมีน้ำไหลจากแผลมากน้อยแล้วแต่คนค่ะของเป้น่าจะมากหน่อย ๆ 555 ใช้ผ้าพันแผลไว้แล้วเดินต่อคะจะบอกว่าแผลที่น้ำไหลออกมาไม่เจ็บนะคะตัวเ าจะบวมปกติเลยตามสเต็ปทานข้าวได้เข้าห้องน้ำเองได้ต้อนลุกนั่งนี่ต้องระวังหน่อยนะคะวันนี้ยังมีอาการมึนยาจากการผ่าตัดอยู่จะหน้ามืดได้ง่ายคะ
วันนี้ทั้งสองก็เดินไปเดินมาพร้อมกัน
วันนี้เป้สบายค่ะไม่ปวดหัวไม่ผ่านฉลุยคะ ^^
ช่วงเย็นมีกำลังใจมาเยี่ยมเพียบเลยค่ารวมทั้งน้องล่ามที่พูดเกาหลีได้มาถามไถ่อาการแล้วบอกว่าคุณหมอบอกอาการเราดีมากฟื้นตัวดีให้เราเตรียมตัวกลับบ้านได้เลยพรุ่งนี้คืนนี้ให้ย้ายไปพักที่เกสเฮาส์ ของโรงพยาบาล (ว้าวโรงพยาบาลมีเกสเฮาส์ด้วยอะเก๋มาก) แต่ที่นี่เป็นเกสเฮาส์เฉพาะคนไขผู้หญิงเท่านั้นนะคะจะไม่ให้ผู้ชายเข้าดั้งนั้นที่นี่จะปลอดภัยมากอ ยู่ติดกับโรงพยาบาลเลยคะพอไปถึงโอโห้ดูดีค้อนข้างหรูเลยค่ะนอนสบายอุปกรณ์พร้อมเหมือนโรงแรมเลยคะเป้พักที่นี่ 1 คืนพรุ้งนี้กลับบ้านเอ้ยกลับโรงแรมเราเองคะไว้มาเล่าให้ฟัง ต่อนะคะว่าหลังผ่าตัดวันที่ 2 จะเป็นยังไง ^^
☀
หลังผ่าตัดวันที่สองวันที่ 2
ขออัพเดทอาการกันต่อไปนะคะเพื่อน ๆ หลายคนอยากรู้แล้วรู้ไหมว่าวันที่ 2 จะเป็นยังไงนะ
วันนี้นอนได้นานขึ้นค่ะได้มาพักที่เกสเฮาส์ของรพ. บาโนบากิหลับสบายมากหลังจากตื่นมาก็ลองขยับตัวแล้วลงเดินตามที่คุณหมอแนะนำ (คนดูดไขมันต้องหมั่นเด