top of page
หน้าปก oppame (2).png

[รีวิว] ศัลยกรรมเกาหลีของเฟิร์ส เปลี่ยนหน้าหมวยจืดให้เป็นหมวยแบ๊ว

รูปภาพนักเขียน: Oppa MeOppa Me

อัปเดตเมื่อ 31 ก.ค. 2564





ก่อนผ่าตัด

สวัสดีค่ะ เฟิร์สนะคะ~ วันนี้จะมาแชร์ความรู้สึกที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมนะคะ~

เดิมทีเป็นคนหน้าใหญ่มากค่ะ คือตัวเราเองก็เป็นคนอวบๆเนื้อแก้มเยอะอยู่แล้ว  บวกกับกระดูกหน้าโดยเฉพาะช่วงกรามคือบานใหญ่มากๆค่ะ

เวลาถ่ายรูปหน้าตรงๆก็จะหน้าบานมากกกก หรือด้านข้างที่เพื่อนชอบถ่ายตอนเราเผลอๆ ก็จะเห็นเป็นกรอบสี่เหลี่ยมเลยT^T


โดนแซวเรื่องหน้าบานหน้าเหลี่ยมมาเรื่อยๆเลย ยิ่งช่วงมหาลัยที่น้ำหนักลดลง คนทั่วไปก็จะสวยขึ้นเพราะเห็นกรอบหน้าชัดใช่มั้ยคะ

แต่กับเราแล้วไม่เลยค่ะ ยิ่งผอมลง ยิ่งเห็นหน้าที่เป็นเหลี่ยมชัดมากขึ้น ก็เลยไม่ค่อยกล้าจะไดเอทแบบสุดๆเท่าไร(ไม่ได้เอาเรื่องหน้าเหลี่ยมมาอ้างน๊า 555555)

เพราะถ้าเรามีแก้มมันก็จะยังดูหน้ากลมๆในบางมุมค่ะ แต่เอาจริง ถ้าถ่ายหน้าตรงยังไงก็จบค่ะ ทีวีดีๆนี่เอง TTTTwTTTT


นอกจากรูปหน้าที่ค่อนข้างบานใหญ่เหลี่ยมแล้ว ด้วยความที่ตัวเองหน้าหมวยมากๆๆ ตาชั้นเดียว และเรียวแหลม

ตาจึงไร้อารมณ์แบบสุด ๆ หลาย ๆ คนก็ทักว่าตาค่อนข้างดุ ตานี่เป็นส่วนที่ทำให้เราดูเป็นคนหน้าบึ้งตึง ดูไม่เป็นมิตร หน้าไม่รับแขกเอาซะเลย เพราะแบบนี้ค่ะก็เลยตัดสินใจทำตาสองชั้นซะเลย


นอกจากกระดูกหน้า , ตา ก็ยังมีจมูกอีกค่ะ 55555 จมูกของเราที่มีแค่รูไว้หายใจจริง ๆ ไม่มีสันดั้งขึ้นมาเลย

แล้วก็เป็นคนที่จมูกสั้น เนื้อเยอะ จมูกบาน -*- แต่ช่วงปลายจมูกยังเชิดๆบ้าง เวลาถ่ายรูปเลยยังแอ๊บว่ามีดั้ง(ทั้งที่ความจริงคือที่ราบเรียบแบนมากๆ T^T)


เอาจริงตัวเราเองตัดสินใจลังเลไปมาอยู่นานมากๆนะคะกว่าจะตัดสินใจทำศัลยกรรม

บอกเลยว่าลึกๆเป็นคนขี้กลัวมากกกกกกกกกกกกกค่ะ  กลัวเจ็บ กลัวเป็นแผลเป็น กลัวอักเสบ กลัวสารพัดจะกลัว

ทั้งชีวิตไม่เคยทำอะไรมาก่อนเลยค่ะ นอกจาก Botox กราม ซึ่งไม่ตอบโจทย์มากๆเลย เพราะหน้ามันใหญ่จากกระดูก 🙁

แต่ด้วยความที่ก็ศึกษาหาข้อมูลบ้าง และยิ่งเห็นหลายๆเคสที่ทำมาแล้วก็มีแต่สวยขึ้นๆกันทุกคน ก็เลยเลือกทำศัลยกรรมในที่สุดค่ะ ^w^

ซึ่งเฟิร์สเข้ารับการผ่าตัดกับ รพ. บาโนบากิ ประเทศเกาหลีค่ะ!

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันผ่าตัด

มาค่ะ วันนี้ที่รอคอยมาเนิ่นนาน >w<


ก็ตื่นเต้น ๆ พอควรนะเอาจริง ในท้องก็โหวงเหวง (ก็งดน้ำงดอาหารมา 8 ชม. ก็จะหวิวๆแบบเนี้ยะล่ะ -*-)

มาถึง รพ. ก็อย่าลืมแจ้งชื่อที่เดสก์ชั้น 1 นะคะ เพื่อที่เจ้าหน้าที่ชั้น 1 จะได้วอร์ประสานงานแจ้งล่าม/เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเคสเราค่า

พอเสร็จ เราก็ถูกพาไปเจาะเลือด และก็ขึ้นไปยังชั้น 5 ทำการเปลี่ยนชุด

ก็จะมีชุดคลุมสีชมพู กางเกงในกระดาษ รองเท้าแตะ ถุงพลาสติกเอาไว้ใส่พวกรองเท้า และกระเป๋าดำเพื่อใส่ของทั้งหมดรวมกันอีกที


(กำลังใจเพียบ xD)

เอาจริงอารมณืตอนเปลี่ยนชุดเสร็จนี่แบบ บรรยายไม่ถูกเลย ตื่นเต้น+กังวล+กลัว สารพัดเลยค่ะ

แต่มันก็จะผ่าแล้วนิ ได้แต่คิดถึงรีวิวคนสวยๆเพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลง 55

ก่อนผ่าตัด ก็จะได้ปรึกษากับคุณหมออีกครั้ง ได้ทำการถ่าย X-ray และ CT Scan (สำหรับเคสผ่าตัดโครงหน้านะจ๊ะ)

เราผ่าตัดกับ คุณหมอ ปาร์ค ชิน กี ค่า คุณหมอปาร์คเป็นกันเองมากๆ คุณหมอท่านจะถามสไตล์แบบที่เราชอบก่อนค่า

เราก็เอารูปที่เตรียมมาโชว์เลย พอโชว์รูปสไตล์ที่อยากจะได้เท่านั้นล่ะ ภายในห้องถึงกับเงียบ 55555

คุณหมอน่าจะกดดันน่าดู แต่คุณหมอก็บอกจะทำออกมาอย่างสุดฝีมือและเต็มที่ที่สุด >3<

ส่วนของตา คุณหมอปาร์คเลือกวิธีปรับกล้ามเนื้อตาแบบไม่กรีด + เปิดหัวตาให้เราค่า

ที่ต้องเปิดหัวตาด้วยเพราะหัวตาเรามันกลมๆแคบๆ มองดดูแล้วแลดูอึดอัดๆนะคะความเห็นเรา

ส่วนของจมูก ก็ใช้หลายเทคนิคเลย แน่ ๆ ใช้ซิลิโคนตัวไอ+กระดูกอ่อนหลังหู

(ของเราคุณหมอเลือกใช้หูข้างขวา)+ลดปีด+ยกปลายจมูกให้สูงขึ้น+ดึงปลายจมูกให้ลงมาเพื่อลดการเห็นรูจมูก+เหลาฐาน

ส่วนของปรับรูปหน้า ก็ครบเซทเลยค่า ลดโหนกแก้ม+เหลากราม+ดึงกระดูกคางออกมา

แต่ส่วนของช่วงโหนกแก้มความจริงคุณหมอก็ไม่ถึงกับไม่แนะนำ แต่คุณหมอปาร์คท่านก็อธิบายก่อนว่า

ด้วยความที่ตัวเราช่วงหน้าผาก ขมับค่อนข้างกว้าง ดังนั้นตรงโหนกแก้มก็อาจลดไม่ได้เยอะ

ไม่งั้นจะดูไม่รับกันค่ะ ผลออกมาอาจจะไม่เห็นว่าโหนกแก้มเล็กลงเท่าไร แต่เราก็ทำค่ะ ทำทั้ง 3 จุดค่ะคุณหมอ~~


หลังจากปรึกษาเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปนั่งพักที่โซฟาตรงชั้น 5 แปปนึงแล้วก็ไปยังชั้น 4 เพื่อทำการเมคโอเวอร์ค่าา

 ♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

คืนหลังผ่าตัด

จำได้ว่าตื่นเองนะ ไม่มีคนปลุก ป้าพยาบาลแค่หันมาอ้าวตื่นละหรอ เราก็มองแบบงงๆ ถามป้าพยาบาลว่ากี่โมงแล้วคะ ตอนนั้นเข้าใจผิดคิดว่า9โมงเช้า(ความจริงสามทุ่ม555) ก็นึกว่าอ้าวยังไม่ผ่าโครงหน้ากับจมูกหรอ พอเสร็จป้าพาไปแอดมิทชั้น6 ก็งงอ้าวเรายังไม่ผ่าจมูกโครงหน้ารึเปล่านะ แต่เอ๊ะเลือดกำเดาไหล(ตอนนั้นไม่มองกระจกเลย) ป้าพยาบาลใจดีนะ บอกว่าการผ่าตัดออกมาดี แต่เราก็มีไข้หน่อยๆเพราะคุณไม่สบายอยู่ ป้าพาไปเข้าห้องน้ำ ปิดแอร์ที่ห้องให้เพราะรู้ว่าเราหนาว รักป้ามากค่ะ ซารังเฮ

และตี1ล่ามพี่กิ้บก็มาดู ตอนนั้นพี่กิ้บนึกว่าเราหลับ ความจริงนี่ไม่หลับเลย (หลับไม่ลง ระบมและอึดอัด แต่ตอนนั้นยังสับสนว่าผ่าจมูกกับรูปหน้ายัง)55555 พี่กิ้บก็อยู่ดูนานพอควรเลย ขอบคุณพี่กิ้บมากๆ ฮืออออออ ช่วยเทนมและอธิบายสิ่งที่ควรทำหลังผ่าเช่นว่าให้บ้วนปากจนกว่าจะไม่เห็นเลือด และก็กินนม กินละก็ต้องบ้วนปาก และก็พยายามบ้วนปากทุกชม. ก็จะเห็นจากในภาพสิ่งที่พยาบาลเอามาให้คือมี นม,น้ำยาบ้วนปากขวดฝาเขียว(บ้วนแล้วต้องบ้วนน้ำเปล่านะ ไม่งั้นฟันเหลืองเดออ)และแก้วกระดาษยังต้องบีบให้มันแหลมๆ เพราะเราอ้าปากแทบไม่ได้เลย


และเราก็นอนๆลุกๆมาบ้วนปาก และลุกไปเข้าห้องน้ำเองตลอดคืน

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันที่1

ตอนเช้าพยาบาลมาทำความสะอาดให้ รู้สึกว่ามีตัดเทปหน้าจมูกไปด้วยนะ และคลีนแผลให้ทุกส่วน และก็โปะไอซ์แพคให้เพราะเราบวมมาก พอเสร็จหมอปาร์คชินกีก็มาเช็คแปปนึง หมอมาคุยๆกับพยาบาลไม่ถึง 2 นาที(ฟังไม่ค่อยออก ฮืออ แต่ได้ยินพยาบาลบอกงั้นให้ออกจากรพ.ได้เลยนะคะ ไม่มีปัญหาไร ปกติดี แค่นั้นล่ะ) แล้วล่ามก็มาหา ล่ามช่วยอธิบายว่าต้องทำอะไรบ้างหลังจากออกจากรพ.แล้ว และพยาบาลก็เอาสายเดรนเลือดออกให้(เอาจริงๆไม่เจบเวอร์แบบคนอื่นบอกเลยนะ ทนได้อะ อะไรเจ็บสุดนี่ว่าตอนคลีนแผลหลังหูมากกว่า พยาบาลเช็ตเยอะเพราะคราบเลือดน่าจะเยอะ)

หลังจากเอาสายเดรนออกต้องงดน้ำ อาหารอีก6ชม.นาจา ห้ามบ้วนปากด้วย เมื่อคืนหลังออกจากห้องผ่าล่ามแนะนำว่าให้กินนมรอก่อนพยาบาลจะมาตอนเช้าเลย ไม่งั้นหลังจากเอาสายเดรนเลือดออกจะหิวมากๆ (หิวจริง แต่กินไม่ได้)


ความรู้สึก ณ วันนี้คือเจ็บทุกแผล ระบม แต่เดินไหวนะ เดินได้แต่ค่อยๆเดิน เดินเร็วๆแบบปกติยังไม่ได้ เลือดกำเดายังไหลบ้างประปราย แต่ล่ามบอกว่าเป็นอาการปกติ จะไหลช่วงแรกๆแต่เดี๋ยวจะค่อยๆหายเอง และก็รู้สึกง่วงนอนมากๆ แต่นอนไม่ลง เพราะระบมแผล

♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันที่2 

วันนี้ก็บวมมากกกกกก และมีไข้หน่อยๆ แต่ก็ถือเป็นอาการปกติ ก็ประคบเย็นเยอะๆ กับปั่นจมูก บ้วนปากตลอดวัน แทบจะทุกชั่วโมง คอแห้ง มีเสมหะปนเลือดออกมา พยายามกินน้ำอุ่น น้ำธรรมดาเอา และบ้วนปากทุกครั้งที่กินน้ำ กินยา เริ่มเดินออกจากห้องบ้าง แต่เดินแปปๆเหนื่อย ก็นั่งพักประคบเย็นสลับเอา วันนี้เลือดกำเดาไม่ไหลเท่าวันแรกแล้ว แต่ก็ยังมีไหลอยู่นะ และค่อนข้างเจ็บแผลแถวจมูก วันนี้ก็ต้องแกะเทปผ้าตรงคางออกเอง แกะออกง่ายมากเวอร์ ไม่เจ็บ ไม่แกะยากเหมือนที่คนอื่นเค้าว่ากัน แต่กาวจากเทปผ้ายังเหลืออยู่ ล้างยากมากจริงๆ และก็กินแต่นมทั้งวัน ยังไม่กล้ากินอะไรที่แบบต้องเคี้ยวหรือใช้เหงือกดุนๆ


♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡

วันที่3 

วันนี้เลือดกำเดาแทบไม่ไหลแล้ว แต่ปั่นจมูก บ้วนปากบ่อยมากกก และก็ประคบเย็นตลอดวันสลับกับเดิน แต่เดินแล้วเหนื่อยง่ายหน่อย เพราะกินแต่แค่นมไป แต่วันนี้เย็นๆเลยลองกินคุ้กกี้แบบนิ่ม2ชิ้น แล้วลองแปรงฟันเอา ใช้แปรงสีฟันของเด็กจุ่มน้ำยาบ้วนปาก ก็พอแปรงไหวอยู่(กลัวปากเน่า พยายามง้างปาก) แต่ตรงตาช้ำหนักมาก ม่วงเป็นที่คาดตาแบบแบทแมน5555 ㅠㅠ ตาขาวจะช้ำ กลายเป็นสีแดงๆ (แต่เป็นเรื่องปกตินะ) คอนดิชั่นร่างกายโดยรวมดีขึ้นนิดนึง แต่ก็ยังอึดอัดกับการหายใจมากๆ การมองก็ลำบากนะเพราะระบม เจ็บหน่วงๆตรงที่เปิดหัวตา แต่ตรงหน้าผากเทียบกะวันที่1แทบไม่บวมแล้ว(ไปไล่ดูคลิปที่ถ่ายไว้ วันที่1คือเห็นหน้าผากตัวเองบวมเหมือนฉีดฟิลเลอร์เลย55) แต่ตอนนี้มาบวมออกตรงวีไลน์และเหนียงแทน เศร้า และสังเกตเห็นมีรอยช้ำถึงตรงกลางคอ (ล่ามบอกว่าความช้ำมันจะไหลลงข้างล่างเรื่อยๆนะ) แต่เดี๋ยวคงดีขึ้น ตอนนี้ผิวหน้าแห้งมากๆ ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ